เนื้อหาหลัก

ข้อความแจ้งเตือน

17 มีนาคม 2565 พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เข้าร่วมการประชุมผู้บัญชาการทหารสูงสุดอาเซียน ครั้งที่ 19 (The 19th ASEAN Chiefs of Defence Forces Meeting (ACDFM-19)) โดยมี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้แทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด จากประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ เข้าร่วมประชุม ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ในฐานะที่กัมพูชาเป็นประธานอาเซียนในปี พ.ศ.2565

การประชุมฯ ดังกล่าว ถือเป็นการดำรงความร่วมมือภายใต้กรอบการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียน (ADMM) โดย ACDFM ถือเป็นเวทีสำคัญด้านความมั่นคงของอาเซียนระดับกองทัพ ในการหารือ และนำเสนอแนวคิดในการเตรียมความพร้อมเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของภูมิภาคในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงของอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์ ครอบคลุมมิติด้านการข่าว และกิจกรรมความร่วมมือต่างๆ ที่ผ่านมา และแผนงานที่จะดำเนินการภายใน 2 ปีข้างหน้า (ASEAN Militaries 2-year Activity Workplan)

การประชุม ACDFM-19 ในครั้งนี้ ได้กำหนดหัวข้อหลัก (Theme) ในเรื่อง “Solidarity for Harmonized Security” (ความเป็นปึกแผ่นเพื่อความมั่นคงที่กลมกลืน) โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดของแต่ละประเทศ ได้นำเสนอมุมมองแนวคิดในการเสริมสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของภูมิภาค ซึ่งกองทัพไทยได้นำเสนอ แนวทางการส่งเสริมบทบาทของฝ่ายทหารในด้านต่างๆ อาทิ การบริหารจัดการชายแดน การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน การพัฒนาประเทศและการพัฒนาภูมิภาคร่วมกันอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด "จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" บนพื้นฐานหลัก 3 ประการ ที่อาเซียนควรยึดถือ ประกอบด้วย ความไว้เนื้อเชื้อใจ (Mutual Trust and Confidence) ความห่วงใยและเห็นพ้องร่วมกัน (Mutual concern) ในการกำหนดภัยคุกคามและสิ่งท้าทาย และความรับรู้ (Mutual perception) ในการแสวงประโยชน์ร่วมกัน
นอกจากนี้ กองทัพไทยยังได้ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนกิจกรรม 7 ด้าน ภายใต้คณะทำงานผู้เชี่ยวชาญในกรอบการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประเทศคู่เจรจา (ADMM-Plus Experts Working Group (EWG) ประกอบด้วย การแพทย์ทหาร การต่อต้านการก่อการร้าย การรักษาสันติภาพ การปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม การปฏิบัติการด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ การช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย และการปฏิบัติการด้านความมั่นคงทางทะเล โดยเฉพาะการแพทย์ทหาร ได้เสนอให้ศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย มีบทบาทสำคัญในการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับภัยคุกคามด้านชีวภาพและโรคอุบัติใหม่ อาทิ โรคโควิค-19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ และการปฏิบัติด้านความมั่นคงทางทะเล ที่กองทัพไทย (โดยกองทัพเรือ) และกองทัพสหรัฐ เป็นประธานร่วมในคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญในด้านฯ ดังกล่าว (EWG on Maritime Security) ในวงรอบปี พ.ศ.2564 - 2567 (ค.ศ.2021 – 2024) เพื่อส่งเสริมบทบาทของไทยและเสถียรภาพด้านความมั่นคงทางทะเลของภูมิภาคให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
 
ในโอกาสเดียวกันนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้พบปะหารือทวิภาคีกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดกัมพูชา และกองทัพประเทศอาเซียนอื่นๆ อันจะช่วยเสริมสร้างความคุ้นเคยและมิตรภาพที่ดีระหว่างกันอีกด้วย